ค้นหาตามอักษร | ก | ข | ฃ | ค | ฅ | ฆ | ง | จ | ฉ | ช | ซ | ฌ | ญ | ฎ | ฏ | ฐ | ฑ | ฒ | ณ | ด | ต | ถ | ท | ธ | น | บ | ป | ผ | ฝ | พ | ฟ | ภ | ม | ย | ร | ล | ว | ศ | ษ | ส | ห | ฬ | อ | ฮ |
ชื่อ | ชานาง | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Homalium tomentosum Benth | |
ลักษณะสำคัญ | เปลือกต้นสีขาวนวล เรือนยอดเป็นพ่มทึบ | |
สรรพคุณ/ประโยชน์ | แก้กษัย ดับพิษไข้ แก้พิษเสมหะ | |
สถานที่ค้นพบ | ||
ประเภท | ||
ชื่อ | ช้างน้าว | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Dchna integerrima (Lour) Merr | |
ลักษณะสำคัญ | ตามปลายกิ่งมีกาบหุ้มตาแข็งและแหลม ใบเป็นใบเดียวออกสลับ | |
สรรพคุณ/ประโยชน์ | ใช้ขับพยาธิ แก้น้ำเหลืองเสีย แก้ผิดสำแดง | |
สถานที่ค้นพบ | ||
ประเภท | ||
ชื่อ | ชะจาว | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Holoptelea integrifolia (Roxb.) Planch | |
ลักษณะสำคัญ | เป็นไม้ยืนต้นสูง 25 เมตร ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรงเปลือกสีน้ำตาลปนเทา มีต่อมระบายอากาศเป็นจุดกลมเล็ก ๆ สีขาวมองเห็นได้ง่าย เรือนยอดเป็นพุ่มรูปไข่กว้างค่อนข้างทึบ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปรีป้อม โคนใบมนหรือป้าน ปลายใบเรียวแหลม ก้านใบมีขน ออกดอกเป็นกระจุกตามง่ามใบ ดอกขนาดเล็ก แยกเพศเป็นดอกเพศผู้และดอกเพศเมีย ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ผลเป็นรูปโล่แบน มีปีกบางล้อมรอบ มีก้านเกสรเพศเมีย 2 อันติดอยู่ส่วนบนสุด บริเวณปีกมีลายเส้นออกเป็นรัศมีโดยรอบ | |
สรรพคุณ/ประโยชน์ | เปลือก ใช้ทำยารักษาเรื้อนของสุนัข กับตัวไรและเป็นยาแก้ปวดตามข้อ | |
สถานที่ค้นพบ | ||
ประเภท | ||
ชื่อ | ชิงขัน | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Dalbergia oliveri Gamble | |
ลักษณะสำคัญ | เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 15–25 เมตร เปลือกสีน้ำตาลอมเทาล่อนเป็นแว่น ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยเรียงสลับ แผ่นใบรูปรีแกมรูปไข่ โคนใบและปลายใบมน ท้องใบสีจางกว่าหลังใบ ดอกขนาดเล็ก สีขาวแกมม่วง ผลเป็นฝักแบน รูปหอก หัวท้ายแหลม | |
สรรพคุณ/ประโยชน์ | บำรุงโลหิต | |
สถานที่ค้นพบ | ||
ประเภท | ||
ชื่อ | ชัยพฤกษ์ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Cassia javanica L. | |
ลักษณะสำคัญ | ไม้ต้น สูงถึง 15 เมตร ลำต้นสีน้ำตาล ทรงพุ่มใบกลมคล้ายร่ม เมื่อต้นยังอ่อนมีหนาม ใบประกอบรูปขนนกปลายคู่ เรียงสลับ มีใบย่อย 5 - 15 คู่ แผ่นใบรูปไข่แกมรูปรี หรือรูปขอบขนาน ขนาดกว้าง 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ยาว 2.5 - 5 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนใบกลม ผิวใบด้านล่างมีขนละเอียด - ดอก เริ่มบานสีชมพู แล้วเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ใกล้โรยดอกสีขาว ออกเป็นช่อตามกิ่งยาว 5 - 16 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงสีแดง หรือแดงปนน้ำตาล ดอกเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 เซนติเมตร ผลเป็นฝักกลมสีดำ ยาว 20 - 60 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 - 1.5 เซนติเมตร เมื่อแก่ไม่แตกมีเมล็ดจำนวนมาก | |
สรรพคุณ/ประโยชน์ | เป็นยาระบายอ่อนๆ | |
สถานที่ค้นพบ | ||
ประเภท | ||
ชื่อ | ชงโค | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Bauhinia glauca Wall. ex Benth | |
ลักษณะสำคัญ | ชงโคเป็นไม้ยืนต้นสูงประมาณ 5-15 เมตร กิ่งอ่อนมีขนปกคลุม ลักษณะของใบชงโคเป็นใบเดี่ยวคล้ายรูปหัวใจ ปลายของใบเว้าลึกมาก ปลายใบทั้งสองด้านกลมมนดูคล้ายใบแฝดติดกัน (คล้ายๆกับใบกาหลง) ส่วนลักษณะของผลจะเป็นฝักแบนคล้ายฝักถั่วกว้างประมาณ 1.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร เมล็ดในฝักค่อนข้างแบน ฝักแก่จะแตกออกเป็นสองซีกตามความของฝัก โดยเป็นต้นไม้ที่ผลัดใบในช่วงฤดูหนาว (ปลายปี) แล้วจะผลิใบในช่วงเดือนเมษาถึงพฤษภาคม และเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดด การเพาะปลูกจึงนิยมปลูกในที่มีแสงแดดตลอดทั้งวัน - ลักษณะของดอกชงโค ดอกจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ โดยจะออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกประมาณ 6-10 ดอก แต่ละดอกมีกลีบ 5 กลีบ โดยกลีบดอกจะมีสีชมพูถึงสีม่วงแดง ลักษณะของดอกจะคล้ายกับดอกกล้วยไม้ เมื่อบานเต็มที่ดอกชงโคจะกว้างประมาณ 7-9 เซนติเมตร ตรงกลางของดอกจะมีเกสรตัวผู้เป็นเส้นยาว 5 เส้น ยื่นออกไปด้านหน้าโค้งขึ้นด้านบน และมีเกสรตัวเมียอยู่ตรงกลาง 1 เส้น ยาวกว่าเกสรตัวผู้ | |
สรรพคุณ/ประโยชน์ | ใบชงโคนำไปต้มช่วยรักษาอาการไอได้ (ใบ) - ช่วยแก้พิษไข้ร้อนจากเลือดและน้ำดี (ดอก) - ชงโคสรรพคุณใช้เป็นยาระบาย (ดอก,ราก) - ช่วยแก้อาการท้องเสีย (เปลือกต้น) - ช่วยแก้อาการท้องร่วง (เปลือกต้น) - ช่วยแก้บิด (ดอก,แก่น,เปลือกต้น) - ช่วยขับลมในกระเพาะ (ราก) - ช่วยขับปัสสาวะ (ใบ) - ใบชงโคใช้พอกฝี และแผลได้ (ใบ) - ประโยชน์ของชงโค มักปลูกไว้เป็นไม้ดอกไม้ประดับบ้านและสวน เพื่อความสวยงาม ให้กลิ่นหอมชื่นใจ | |
สถานที่ค้นพบ | ||
ประเภท | ||
ชื่อ | ชมพูพันธ์ทิพย์ | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Tabebuia rosea (Bertol.) DC | |
ลักษณะสำคัญ | ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่หรือทรงกลม แผ่กว้างเป็นชั้นๆ เปลือกต้นเรียบสีเทาหรือสีน้ำตาล เมื่ออายุมากเปลือกแตกเป็นร่อง กิ่งเปราะหักง่าย - ใบ (Foliage) : ใบประกอบรูปนิ้วมือ ใบย่อย 5 ใบ ก้านใบรวมยาว 5-30 เซนติเมตร ก้านใบย่อยยาว 0.5-2.5 เซนติเมตร ใบรูปขอบขนานหรือรูปไข่แกมรูปรี กว้าง 3-7 เซนติเมตร ยาว 7.5-16 เซนติเมตร ปลายใบแหลม | |
สรรพคุณ/ประโยชน์ | ใบต้มแก้เจ็บท้องหรือท้องเสียตำให้ละเอียดใส่แผล ลำต้น ใช้ทำฟืนและเยื่อใช้ทำกระดาษได้ | |
สถานที่ค้นพบ | ||
ประเภท | ||
ชื่อ | ชะพลู | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Piper sarmentosum Roxb. | |
ลักษณะสำคัญ | ไม้ล้มลุก ลำต้นทอดคลานไปตามพื้นดิน สูง 30-80 เซนติเมตร ลำต้นสีเขียว มีไหลงอกเป็นต้นใหม่ มีรากงอกออกตามข้อ ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ แผ่นใบบาง ผิวใบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ใบรูปหัวใจ กว้าง 5-10 ซม. ยาว 7-15 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ดอก ออกเป็นช่อที่ซอกใบรูปทรงกระบอก ดอกเล็กสีขาวอัดแน่นอยู่บนแกนช่อดอก ดอกแยกเพศ ผล เป็นผลสด กลม อัดแน่นอยู่บนแกน | |
สรรพคุณ/ประโยชน์ | ผล - เป็นส่วนผสมของยารักษาโรคหืด แก้บิด - ราก ต้น ดอก ใบ – ขับเสมหะ - ราก - แก้ธาตุพิการ บำรุงธาตุ แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อขับลม แก้บิด - ทั้งต้น แก้เสมหะ ท้องอืด ท้องเฟ้อ / รักษาโรคเบาหวาน | |
สถานที่ค้นพบ | ||
ประเภท | ||
ชื่อ | ชะมวง | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Garcinia cowa Roxb | |
ลักษณะสำคัญ | ใบ ชะมวงจากต้นชะมวง หรือที่ทางปักษ์ใต้เราเรียกว่า ต้นส้มมวง ถือเป็นไม้ไทยใกล้มือที่คนท้องถิ่นแถบภาคตะวันออกแถวเมืองจันทร์ไปจนถึงตราด และแถวปักษ์ใต้บ้านเรา นิยมเก็บยอดและใบอ่อนมาปรุงอาหารประเภทต้มส้ม แกงส้ม โดยต้มกับกระดูกหมู กระดูกวัว หรือซี่โครงหมู ที่เรียกกันว่า ซี่โครงหมูต้มใบชะมวง สำหรับที่เป็นอาหารขึ้นโต๊ะในเมนูอาหารรสเด็ดที่รู้จักกันดีก็คือ แกงกะทิใบชะมวง ทั้งนี้ก็เพราะจะได้ รสชาติเปรี้ยวกลมกล่อม | |
สรรพคุณ/ประโยชน์ | ใช้ยอดอ่อนและใบอ่อนซึ่งมีรสเปรี้ยว แก้ไข้ กัดฟอกเสมหะ แก้ธาตุพิการ แก้โลหิต แก้ไอ แก้กระหายน้ำ - ราก ใช้แก้ไข้ แก้ร้อนใน ถอนพิษ แก้บิด ลดเสมหะ - ใบ ใช้เป็นยาระบายท้อง แก้ไข้ กัดฟอก กัดฟอกเสมหะ แก้ธาตุพิการ แก้โลหิต แก้ไอ แก้กระหายน้ำ | |
สถานที่ค้นพบ | ||
ประเภท | ||